เริ่มจากยื่นขอตรวจประเมินสถานที่ผลิต ยื่นขออนุญาตตั้งโรงงานผลิตอาหาร รับใบอนญาตการผลิต และ ยื่นขออนุญาตเลขสารบบอาหารของผลิตภัณฑ์ คือ 4 ขั้นตอน ที่บังคับใช้กับสถานที่ผลิตอาหาร ที่ใช้เครื่องจักรมีกำลังแรงม้า 50 แรงม้าขึ้นไป หรือใช้คนงานตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ตามพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 มีรายละเอียดดังนี้
1. ยื่นขอตรวจประเมินสถานที่ผลิต
ยื่นขอตรวจประเมินสถานที่ผลิตและเก็บอาหาร โดยสามารถยื่นคำขอผ่านทางอินเทอร์เน็ต (E-submisson) กรณีไม่สะดวกดำเนินการออนไลน์ก็สามารถขอตรวจประเมินสถานที่ผลิตและเก็บอาหารโดยการกรอกแบบฟอร์ม (ดาวน์โหลดคำขอตรวจประเมินสถานที่ผลิตและเก็บอาหาร) ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อยื่นคำขอและเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณา ณ ศูนย์บริการผลิตภัณฑ์สุขภาพเบ็ดเสร็จ (One Stop Service Center) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรณีสถานที่ผลิตตั้งอยู่ต่างจังหวัดให้ยื่นคำขอ ณ สำนักงานสาธารณสุขในจังหวัดนั้นๆ
2. ยื่นขออนุญาตตั้งโรงงานผลิตอาหาร
หลังจากได้ยื่นคำขอตรวจประเมินสถานที่ผลิตและผ่านการตรวจประเมินสถานที่เรียบร้อย ผู้ประกอบการต้องดำเนินการขออนุญาตตั้งโรงงานผลิตอาหาร โดยเตรียมเอกสารสำคัญดังนี้
- คำขออนุญาตตั้งโรงงานตามแบบ อ1. จำนวน 1 ฉบับ
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ขออนุญาต จำนวน 1 ฉบับ
- สำเนาใบทะเบียนการค้าหรือใบทะเบียนพาณิชย์ จำนวน 1 ฉบับ
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล จำนวน 1 ฉบับ (กรณีนิติบุคคล)
- สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น จำนวน 1 ฉบับ (เฉพาะนิติบุคคลที่เป็นบริษัท )
- หนังสือมอบอำนาจ (กรณีผู้ดำเนินกิจการไม่ได้มายื่นเอง)
- แบบแปลนแผนผังที่ถูกต้องตามมาตราส่วน จำนวน 1 ชุด (กรณีสถานที่ผลิตอยู่ต่างจังหวัดจะใช้ 2 ชุด)
- แผนที่แสดงที่ตั้งของโรงงานและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในบริการใกล้เคียง
- แผนผังแสดงสิ่งปลูกสร้างภายในบริเวณที่ดินของโรงงาน รวมทั้งระบบกําจัดนํ้าเสียและบ่อบาดาล (ถ้ามี)
เอกสารสามารถยื่นผ่านระบบอินเทอร์เน็ต มีค่าธรรมเนียม 2,000 บาท กรณีไม่สะดวกยื่นออนไลน์ ผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอและเอกสารหลักฐานต่างๆ ได้ที่ ศูนย์บริการผลิตภัณฑ์สุขภาพเบ็ดเสร็จ (One Stop Service Center) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสำนักงานสาธารณสุขในแต่ละจังหวัด (กรณีสถานที่ผลิตตั้งอยู่ต่างจังหวัด)
เมื่อเอกสารครบถ้วน เจ้าหน้าที่จะออกใบรับคำขอ และดำเนินการตรวจสอบ เพื่อพิจารณาว่าจะอนุญาตจัดตั้งโรงงานหรือไม่ แต่หากเอกสารไม่ครบถ้วน ผู้ประกอบการจะต้องยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมให้เจ้าหน้าที่ภายในเวลาที่กำหนด
3. รับใบอนุญาตการผลิต
เจ้าหน้าที่จะแจ้งผลการพิจารณา หากได้รับอนุญาต จะชำระค่าธรรมเนียม 3,000 / 5,000 / 7,000 / 8,000 / 10,000 บาท (ขึ้นกับจำนวนแรงม้าของเครื่องจักร หรือคนงาน) ใบอนุญาตผลิตอาหาร ใช้ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม ของปีที่ 3 นับตั้งแต่ออกใบอนุญาต
4. ยื่นขออนุญาตเลขสารบบอาหารของผลิตภัณฑ์
เลขสารบบอาหารของผลิตภัณฑ์ จะหมายถึงเลข 13 หลักในกรอบเครื่องหมาย อย. บนฉลากผลิตภัณฑ์อาหาร ซึ่งจะเป็นรหัสของข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ผลิตและผลิตภัณฑ์ ที่กำหนดขึ้นเพื่อให้ง่ายในการตรวจสอบย้อนกลับกรณีเกิดปัญหา เมื่อผู้ประกอบการจะได้รับใบอนุญาตผลิตอาหารแล้ว ต้องมีการยื่นขออนุญาตเลขสารบบอาหารของผลิตภัณฑ์ก่อน จึงจะเริ่มผลิตสินค้าออกจำหน่ายได้
ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 ได้มีการแบ่งอาหารเป็น 4 กลุ่มตามระดับความเสี่ยงที่จะมีผลต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ได้แก่ 1.อาหารควบคุมเฉพาะ 2.อาหารที่กําหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน 3.อาหารที่ต้องมีฉลาก และ 4.อาหารทั่วไป ผู้ประกอบการจะต้องตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์ของตนจัดอยู่ในประเภทอาหารกลุ่มใด
หากผู้ประกอบการผลิตอาหารที่อยู่ใน 3 กลุ่มแรก จำเป็นต้องมีการยื่นขออนุญาตเลขสารบบอาหารของผลิตภัณฑ์ โดยอาหารควบคุมเฉพาะ (ยื่นแบบ อ.17) อาหารที่กําหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน (ยื่นแบบ สบ.3 หรือ สบ.5) และอาหารที่ต้องมีฉลาก (ยื่นแบบ สบ.3 หรือ สบ.5) แต่หากผู้ประกอบการผลิตอาหารทั่วไปในกลุ่มที่ 4 สามารถดําเนินการผลิตได้ทันทีโดยไม่ต้องยื่นขออนุญาตเลขสารบบอาหารของผลิตภัณฑ์
การขออนุญาตตั้งโรงงานผลิตอาหารไม่ได้เป็นเรื่องยุ่งยากอีกต่อไป ผู้สนใจลงทุนทำธุรกิจผลิตอาหาร ศึกษาขั้นตอนและดำเนินการตามนี้ หากมีข้อสงสัยติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ ศูนย์บริการผลิตภัณฑ์สุขภาพเบ็ดเสร็จ (One Stop Service Center) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรณีสถานที่ผลิตตั้งอยู่ต่างจังหวัด ติดต่อสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด